เวย์น รูนี่ย์ วิเคราะห์ตรงใจแฟนหงส์: “ลิเวอร์พูลตอนนี้ไม่ขาดนักเตะ แต่ขาดผู้นำ”
- Nathan JACKSON
- 27 ต.ค.
- ยาว 1 นาที

ฤดูกาลของลิเวอร์พูลเริ่มต้นด้วยความคาดหวัง แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ “ความมั่นใจ” กำลังแปรเปลี่ยนเป็น “ความกังวล”และเสียงสะท้อนจากหนึ่งในตำนานลูกหนังอังกฤษอย่าง เวย์น รูนี่ย์ (Wayne Rooney) ก็ยิ่งขยายความจริงนั้นให้ชัดขึ้น
อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษผู้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัยกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ลิเวอร์พูลไม่ได้แพ้เพราะขาดฝีเท้า — พวกเขาแพ้เพราะขาดผู้นำ”
เมื่อแชมป์เก่ากลายเป็นทีมที่หลงทิศ
4 นัดหลังสุด ลิเวอร์พูลแพ้รวดทั้งต่อคริสตัล พาเลซ, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และล่าสุดกับเบรนท์ฟอร์ด 2–3
อาร์เน่ สลอต (Arne Slot) ผู้จัดการทีมคนใหม่พยายามเปลี่ยนระบบเกมให้ทีมเล่นเร็วและไล่บีบแบบดัตช์สไตล์แต่สิ่งที่เห็นในสนามกลับเป็นภาพของทีมที่ “ไร้แกนกลางทางอารมณ์”
รูนี่ย์วิเคราะห์ว่า ปัญหานี้ไม่ได้อยู่แค่แท็กติกหรือความฟิตแต่อยู่ที่ “ร่างกายบอกความคิด และภาษากายบอกความจริง” ของนักเตะที่ควรจะเป็นผู้นำ
“คุณดูจากภาษากายของฟาน ไดจ์ค กับซาลาห์ได้เลย มันบอกทุกอย่างพวกเขาคือสองคนที่ทีมต้องมองหาในเวลานี้ แต่สิ่งที่เห็นคือความไม่มั่นใจมากกว่าความเชื่อมั่น”
ภาวะผู้นำที่เงียบเกินไป
เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (Virgil van Dijk) อาจเป็นกัปตันที่สงบนิ่ง แต่ความนิ่งนี้กำลังกลายเป็น “ช่องว่างในการสื่อสาร”ขณะที่ โม ซาลาห์ (Mohamed Salah) ยังทำได้เพียง 3 ประตูในลีกจาก 9 นัด แม้จะเป็นดาวยิงอันดับหนึ่งของทีม
รูนี่ย์อธิบายว่า “ความเงียบ” ในทีมนี้คือสัญญาณอันตราย เพราะผู้นำไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ แต่ต้อง สื่อสารด้วยพลังในสนาม
“ถ้าผู้นำไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจน ทีมจะหลงทางได้ง่ายและตอนนี้ ลิเวอร์พูลดูเหมือนกำลังหลงทาง — ไม่มีใครกดปุ่มรีเซ็ตให้กลับมาเหมือนเดิม”
เมื่อทีมขาดระบบ “รีเซ็ตความมั่นใจ”
ลิเวอร์พูลในยุคคล็อปป์เคยถูกยกย่องว่าเป็นทีมที่ตอบสนองเร็วเมื่อเกิดข้อผิดพลาดแต่ยุคของสลอตกลับเหมือน “ระบบที่ค้าง” ไม่สามารถรีสตาร์ทได้เอง
สิ่งนี้ไม่ต่างจากเวลาที่ผู้ใช้งานออนไลน์เจอปัญหาเชิงระบบ เช่น
เพราะทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็นเว็บ เซิร์ฟเวอร์ หรือทีมฟุตบอลต่างต้องมี “กลไกสำรอง” ที่ช่วยให้กลับมาทำงานได้เมื่อเกิดความผิดพลาด
ในฟุตบอล กลไกนั้นคือ “ผู้นำในสนาม” — คนที่ไม่ปล่อยให้จังหวะตกหรือทีมเสียขวัญและตอนนี้ ลิเวอร์พูลกำลังขาดคนที่ทำหน้าที่นั้น
แรงสั่นสะเทือนถึงม้านั่งสำรอง
รูนี่ย์เสริมว่า “นี่คือช่วงเวลาที่ผู้จัดการทีมและผู้นำในห้องแต่งตัวต้องหาคำตอบให้เร็วที่สุด”ไม่เช่นนั้น ลิเวอร์พูลอาจเผชิญจุดตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014
เพราะความพ่ายแพ้ 4 นัดติดต่อกันไม่ใช่เพียง “ฟอร์มแย่”แต่มันคือการส่งสัญญาณว่า “ความมั่นใจในระบบ” กำลังหายไป
ขณะที่อาร์เซนอลของ มิเกล อาร์เตต้า กำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงรูนี่ย์ถึงกับพูดว่า
“ถ้าอาร์เซนอลไม่ได้แชมป์ในปีนี้ ผมว่าพวกเขาคงต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีม”
คำพูดนั้นสะท้อนให้เห็นว่า แม้รูนี่ย์จะไม่ได้อยู่ในวงในของลิเวอร์พูลแต่เขามองออกว่าทีมคู่แข่งในอังกฤษกำลังมี “เสถียรภาพ” ที่ลิเวอร์พูลไม่มี
ผู้นำในทีม ≠ แค่สวมปลอกแขน
ผู้นำในทีมไม่จำเป็นต้องเป็นกัปตันเสมอไปแต่ต้องเป็นคนที่สื่อสารให้ทุกคน “กลับเข้าสู่เกม” เมื่อจังหวะหลุด
ในอดีต ลิเวอร์พูลมีทั้งเจอร์ราร์ด, เฮนเดอร์สัน หรือแม้แต่เจมส์ มิลเนอร์ ที่ยืนเป็นคนปลุกพลังในห้องแต่งตัวแต่ตอนนี้ชื่อเหล่านั้นหายไปหมด และทีมยังไม่เจอใครที่มีพลังแบบเดียวกัน
รูนี่ย์จึงสรุปไว้อย่างเรียบง่ายแต่ชัดเจนว่า
“ลิเวอร์พูลยังมีนักเตะเก่ง ๆ เต็มทีม แต่ไม่มีใครคุมอารมณ์เกมได้และถ้าไม่มีใครลุกขึ้นมานำ พวกเขาจะจมอยู่ในปัญหานี้อีกนาน”



ความคิดเห็น