“แดนนี่ โรห์ล” จากกองไฟที่เชฟฟิลด์ สู่นรกของเรนเจอร์ส — ภารกิจใหม่ของโค้ชหนุ่มวัย 36 ที่ต้องสู้กับทั้งสนามและเสียงแฟน
- Nathan JACKSON
- 21 ต.ค.
- ยาว 1 นาที

ในโลกของฟุตบอล บางงานถูกเรียกว่า “ท้าทาย”แต่สำหรับ แดนนี่ โรห์ล (Danny Rohl) — งานใหม่ของเขากับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส อาจจะต้องเรียกว่า “นรกบนดิน” เสียมากกว่า
อดีตเฮดโค้ชเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ผู้เคยรับมือกับเจ้าของสโมสรจอมขัดแย้งอย่าง เดชฟง ชานชีรี จากอาณาจักรกระป๋องปลาทูน่า กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในลีกสก็อตแลนด์ ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่ง และความคาดหวังที่สูงลิ่ว
จากเวนส์เดย์สู่ไอบร็อกซ์ — จากกองไฟสู่เตาหลอม
โรห์ลกลายเป็นกุนซือคนที่ 8 ของเรนเจอร์สในรอบเพียงสิบปี — และหากนับรวมเฮดโค้ชชั่วคราวทั้งหลาย ตัวเลขนั้นจะพุ่งขึ้นถึง 16 คน ซึ่งเพียงสถิติก็บอกได้แล้วว่า “ตำแหน่งนี้ไม่ได้มีอายุยืน”
คนก่อนหน้าของเขามีทั้ง ไมเคิล บีล (43 เกม), จีโอ ฟาน บรองค์ฮอร์สต์ (ไม่ถึง 70 เกม), และ ฟิลิปป์ เคลม็องต์ (ไม่ถึง 90 เกม) — มีเพียง สตีเว่น เจอร์ราร์ด คนเดียวที่เคยทำได้เกิน 100 เกม
โรห์ลรู้ดีว่าตัวเองเข้ามารับช่วงต่อในจังหวะที่ทีมกำลัง “แตกเป็นเสี่ยง” ทั้งในสนามและบนอัฒจันทร์ เสียงโห่ของแฟนบอลยังดังไม่จางจากยุคของ รัสเซล มาร์ติน ผู้ถูกแฟนๆ ไล่ออกจากสนามฟัลเคิร์กแทบไม่ทัน
เรนเจอร์ส: สโมสรที่ไร้เสถียรภาพ
ในทางหนึ่ง สโมสรนี้ไม่ต่างจากองค์กรที่ถูกพายุโหมกระหน่ำมานานหลายปี — เปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนบอร์ด เปลี่ยนผู้บริหาร และแน่นอน เปลี่ยนโค้ช
บอร์ดบริหารชุดปัจจุบันที่มี แอนดรูว์ คาเวนา, พาราก มาราเท, และ แพทริก สจ๊วต ถูกมองว่า “ทำทีมแย่ลงทั้งที่ลงทุนไปกว่า 40 ล้านปอนด์” โดยเฉพาะการตัดสินใจคว้านักเตะอย่าง ยูซุฟ เชอร์มิติ ด้วยค่าตัว 8 ล้าน แต่ผลงานยิงได้เพียงสามประตูจาก 50 นัด
ในโลกโซเชียล แฟนบอลถึงขั้นเรียกทีมผู้บริหารว่า “Dumb & Dumber” และ “ลาเรลกับฮาร์ดีแห่งไอบร็อกซ์” — เปรียบเทียบกับคู่หูตลกในตำนาน
โรห์ล: ชายผู้กล้ารับงานที่แทบไม่มีใครอยากแตะ
แม้เขาเพิ่งถอนตัวจากตำแหน่งนี้ไปไม่ถึงสัปดาห์ แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจมารับงานจนได้ โดยเชื่อว่าความท้าทายนี้คือ “บททดสอบระดับสูงสุด”
โรห์ลรู้ดีว่าทีมนี้อาจเป็นชุดที่แฟนเรนเจอร์สจำนวนมากมองว่า “แย่ที่สุดในชีวิต”แต่เขาก็เลือกจะสู้ — ด้วยปรัชญาฟุตบอลที่เน้นพลัง การทำงานหนัก และความยืดหยุ่นในแท็กติก
เขาเคยลองทุกระบบตั้งแต่ 4-2-3-1, 3-4-3, ไปจนถึง 4-4-1-1 และไม่ยึดติดกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่เรนเจอร์สต้องการมากที่สุดในตอนนี้
จากโค้ชมือใหม่ สู่ผู้เชี่ยวชาญด้าน “เกมภาวะวิกฤติ”
แม้จะอายุเพียง 36 ปี แต่โรห์ลผ่านงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายมาแล้วมากมาย ทั้งในเยอรมนีและอังกฤษที่เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เขาเข้ามาคุมทีมในช่วงที่สโมสรเพิ่งสร้างสถิติเริ่มฤดูกาลแย่ที่สุดในรอบ 150 ปี แต่สามารถพาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ และจบอันดับ 12 ในปีต่อมา
เขายังเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชให้ทีมดังอย่าง RB ไลป์ซิก, เซาแธมป์ตัน, บาเยิร์น มิวนิก, และ ทีมชาติเยอรมนี — ประสบการณ์ที่ทำให้เขาเข้าใจทั้งแท็กติกและการบริหารคนในระดับสูงสุด
กลยุทธ์ในสนามฟุตบอล vs กลยุทธ์ในการเดิมพัน
ฟุตบอลและการเดิมพันมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ “การจัดการความเสี่ยง”โรห์ลต้องคำนวณทุกจังหวะเหมือนนักพนันมืออาชีพที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควร “เสี่ยงเพื่อกำไร” และเมื่อไหร่ควรถอยเพื่อลดความเสียหาย
เหมือนกับในโลกของนักเดิมพันที่ต้องเข้าใจ
ในฟุตบอลพาร์เลย์ (Mix Parlay) การวิเคราะห์คู่หลายแมตช์พร้อมกันต้องอาศัยทั้งข้อมูล ฟอร์มทีม และจังหวะความมั่นใจ เช่นเดียวกับโค้ชที่ต้องปรับระบบเกมให้เข้ากับสถานการณ์ทุกสัปดาห์ การตัดสินใจผิดเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงความพ่ายแพ้ทั้งหมด
โรห์ลเองก็อยู่ใน “เกมพาร์เลย์ชีวิต” ที่เดิมพันสูงที่สุดในอาชีพของเขา — ทุกแมตช์คือโอกาสเดียวที่จะพิสูจน์ว่าตัวเองคู่ควรกับสโมสรระดับตำนานอย่างเรนเจอร์ส
เสียงจากแฟนบอล: ความหวังที่ยังมีประกาย
แม้แฟนบอลเรนเจอร์สจะรู้สึกหมดศรัทธากับบอร์ดบริหาร แต่เสียงส่วนใหญ่ยังเปิดรับโรห์ลด้วยความระมัดระวัง
“เขาคือคนหนุ่ม มีพลัง มีวิสัยทัศน์ แต่สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่คำพูด มันคือชัยชนะ”— คอมเมนต์จากแฟนเรนเจอร์สใน BBC Scotland
ความจริงก็คือ ไม่มีใครรอดจากแรงกดดันของอิบร็อกซ์ได้ด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว — ที่นี่ “ผลลัพธ์” เท่านั้นที่เป็นภาษาที่เข้าใจตรงกันทุกฝ่าย
บทเรียนจากเชฟฟิลด์: อย่าพูดเยอะ ทำให้เห็น
โรห์ลเคยพิสูจน์มาแล้วว่าเขาเป็นมากกว่าโค้ชวัยหนุ่มทั่วไป เขาใช้เวลานับไม่ถ้วนในการฝึกซ้อมรายบุคคล เพื่อดึงศักยภาพของนักเตะออกมา แม้ในทีมที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เขาเคยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเตะอย่าง เจย์ดี้ กัสซามา (ที่ปัจจุบันก็อยู่ในทีมเรนเจอร์ส) จนกลายเป็นดาวเด่น และเขาก็อาจต้องทำเช่นนั้นอีกครั้งกับทีมที่ “แฟนบอลเกือบหมดศรัทธา”
บทสรุป: ก้าวสู่เตาหลอมแห่งกลาสโกว์
“แดนนี่ โรห์ล” ไม่ได้เข้ามาเพียงเพื่อคุมทีมฟุตบอลแต่เขากำลังก้าวเข้าสู่สมรภูมิที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากทั้งในและนอกสนามจากเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง มาสู่เรนเจอร์สที่มีความคาดหวังสูงสุดในยุโรป
เขาอาจไม่รู้ว่าความร้อนแรงใน “เตาหลอมแห่งอิบร็อกซ์” จะเผาแรงบันดาลใจของเขาหรือหลอมให้เขากลายเป็นเหล็กแกร่งที่สุดในชีวิตแต่สิ่งหนึ่งแน่นอน — เขาได้ลงเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในอาชีพแล้ว
เพราะในวงการฟุตบอล ไม่ต่างจากการเดิมพัน “คนที่กล้าลงเงินและลงแรงมากที่สุด” มักจะเป็นคนที่ได้เรียนรู้เร็วที่สุดว่าชัยชนะไม่ใช่เรื่องของโชค แต่คือผลของการตัดสินใจที่ถูกต้องในเวลาที่ใช่



ความคิดเห็น